ไม่ใส่กางเกงในเป็นไส้เลื่อนจริงไหม

ไม่ใส่กางเกงในเป็นไส้เลื่อนจริงไหม

ถ้าไม่ใส่กางเกงในจะเป็นไรไหม? ไม่ใส่กางเกงในเป็นไส้เลื่อนไหม? ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในจะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคไส้เลื่อนได้จริงหรือเป็นแค่ความเชื่อ? สำหรับข้อสงสัยนี้ทาง TENO ต้องขอบอกเลยว่าความเชื่อเรื่องไม่ใส่กางเกงในนี้ไม่ได้ทำให้เกิดโรคไส้เลื่อนแต่อย่างใด แถมสาเหตุหลัก ๆ ของการเป็นโรคไส้เลื่อนก็ไม่ได้เกิดจากการไม่ใส่กางเกงในอีกด้วย

โดย ‘โรคไส้เลื่อน’ คืออาการที่เกิดจากผนังช่องท้องอ่อนแอหรือฉีกขาด ทำให้อวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ หรือถุงอัณฑะ เคลื่อนออกมาจากตำแหน่งปกติ ซึ่งมักพบบริเวณขาหนีบ หัวหน่าว หรือบริเวณหน้าท้องส่วนล่าง ซึ่งโรคไส้เลื่อนสามารถยังเกิดได้จากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น อายุ น้ำหนัก ความผิดปกติของช่องท้อง อุบัติเหตุ หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นต้น

ซึ่งการที่หนุ่ม ๆ ทั้งหลายเลือกใส่กางเกงในหรือไม่ใส่กางเกงในนั้นอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการเป็นโรคไส้เลื่อนอยู่บ้าง ทาง TENO จึงขอแนะนำว่าควรสวมกางเกงในผู้ชายที่เป็นกางเกงในชายไร้ขอบแทนกางเกงในแบบขาสั้น หรือกางเกงในแบบบ็อกเซอร์นั้นดีกว่า เพราะเป็นตัวเลือกของกางเกงในที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการกดทับและระคายเคืองผิว

การใส่กางเกงในหรือไม่ใส่กางเกงในป้องกันโรคไส้เลื่อนได้จริงหรือไม่?

ถึงแม้การใส่กางเกงในหรือไม่ใส่กางเกงในจะไม่ได้มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดไส้เลื่อน แต่ในทางกลับกันการสวมใส่กางเกงในที่รัดแน่นเกินไปอาจทำให้ความดันในช่องท้องสูงขึ้นจนส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดไส้เลื่อนเพิ่มขึ้นได้เช่นเดียวกัน 

ดังนั้น การเลือกสวมใส่กางเกงในไร้ขอบผู้ชายสามารถช่วยป้องกันไส้เลื่อนได้ดีกว่าการไม่ใส่กางเกงใน เนื่องจากคุณสมบัติในการออกแบบที่ไม่รัดแน่น ไม่กดทับ ไม่ระคายเคืองผิวหนังจนเกินไป ไม่เพียงเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่แล้วกางเกงในไร้ขอบมักทำจากผ้าเนื้อนุ่ม ระบายอากาศได้ดี สวมใส่สบาย และกระชับพอดีตัว สามารถช่วยพยุงอวัยวะภายในช่องท้องไม่ให้เคลื่อนตัวได้ง่ายอีกด้วย

สาเหตุที่แท้จริงของโรคไส้เลื่อนคืออะไร?

การเลือกใส่กางเกงในหรือไม่ใส่กางเกงในนั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคไส้เลื่อน และทาง TENO ต้องขอบอกเลยว่า จริง ๆ แล้ว โรคไส้เลื่อนก็เป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่จะพบในผู้ชายเสียมากกว่า ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของโรคไส้เลื่อนนั้น คือความอ่อนแอของผนังหน้าท้องหรือมีรูเปิดผิดปกติในผนังหน้าท้อง ส่งผลให้อวัยวะภายในเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม ผ่านรูหรือช่องเปิดนั้นไปยังบริเวณภายนอกของช่องท้อง โดยทั่วไปแล้ว  สาเหตุของความผิดปกตินี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่

ความผิดปกติของโครงสร้างผนังหน้าท้อง

ผนังหน้าท้องประกอบด้วยกล้ามเนื้อและพังผืดหลายชั้น หากโครงสร้างของผนังหน้าท้องมีความผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแอ พังผืดหย่อนยาน หรือมีรูหรือช่องเปิดผิดปกติก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไส้เลื่อนได้ ซึ่งความผิดปกติของโครงสร้างผนังหน้าท้องอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น

  • พันธุกรรม
  • วัยสูงอายุ
  • โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคถุงลมโป่งพอง เป็นต้น
  • การผ่าตัดที่ผนังหน้าท้อง
  • อุบัติเหตุ หรือความกระทบกระแทกบริเวณหน้าท้อง

แรงดันภายในช่องท้องที่เพิ่มขึ้น

ถึงแม้การสวมใส่กางเกงในหรือไม่ใส่กางเกงในนั้นจะไม่ได้ทำให้เป็นโรคไส้เลื่อน แต่การสวมใส่กางเกงในที่รัดแน่นจะทำให้แรงดันภายในช่องท้องเพิ่มขึ้น และเมื่อแรงดันภายในช่องท้องเพิ่มขึ้นก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไส้เลื่อน เพราะจะทำให้อวัยวะภายในถูกดันออกมาจากตำแหน่งเดิมได้ง่ายขึ้น ซึ่งแรงดันภายในช่องท้องอาจเพิ่มขึ้นได้จากสาเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น

  • ไอเรื้อรัง
  • ท้องผูก
  • ยกของหนัก
  • ออกกำลังกายหนัก
  • โรคอ้วน

ไส้เลื่อนสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายมีความเสี่ยงต่อปัจจัยเสี่ยงบางอย่างมากกว่า เช่น โรคถุงลมโป่งพอง การผ่าตัดที่ผนังหน้าท้อง และยกของหนัก เป็นต้น

อาการของโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไร?

หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่าการเลือกใส่กางเกงในหรือไม่ใส่กางเกงในนั้นไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไส้เลื่อนและสาเหตุที่แท้จริงของโรคไส้เลื่อนคืออะไร? สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าอาการของโรคไส้เลื่อนเป็นอย่างไร ทาง TENO ขอบอกเลยว่าอาการของไส้เลื่อนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของไส้เลื่อนและตำแหน่งของไส้เลื่อน โดยอาการทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับไส้เลื่อนประเภทต่าง ๆ มีดังนี้

ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ (Inguinal Hernia)

อาการของไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบมักเป็นก้อนนูนบริเวณขาหนีบ ซึ่งอาจเล็กหรือใหญ่ก็ได้ ก้อนนูนจะรู้สึกนุ่มและขยับได้ อาจมีอาการปวดหรือเจ็บบริเวณก้อนนูนเมื่อไอ จาม ยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนักๆ หากไส้เลื่อนถูกบีบอัดจนไม่สามารถกลับเข้าไปภายในช่องท้องได้ อาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีปัญหาในการขับถ่าย

ไส้เลื่อนบริเวณต่ำกว่าขาหนีบ (Femoral Hernia)

อาการของไส้เลื่อนบริเวณต่ำกว่าขาหนีบ ได้แก่ พบก้อนนูนบริเวณต้นขาด้านใน ซึ่งก้อนนูนจะขยายใหญ่ขึ้นเมื่อไอ ยกของหนัก หรือยืนนาน ๆ และก้อนนูนอาจหายไปเองเมื่อนอนราบ ทั้งนี้อาจมีอาการปวดบริเวณต้นขาด้านในร่วมด้วย โดยสาเหตุของไส้เลื่อนบริเวณต่ำกว่าขาหนีบอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดบริเวณช่องท้อง ภาวะความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น ท้องผูก ไอเรื้อรัง ยกของหนัก หรือผนังช่อง Femoral Canal อ่อนแอแต่กำเนิด รวมถึงยังอาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคตับแข็ง หรือโรคไตวาย เป็นต้น

ไส้เลื่อนกะบังลม (Hiatal Hernia)

ภาวะที่อวัยวะในช่องท้องเคลื่อนผ่านรูบริเวณกะบังลม (Diaphragm) ซึ่งเป็นผนังกล้ามเนื้อที่กั้นระหว่างช่องท้องและช่องอก รูบริเวณกะบังลมนี้ปกติจะมีขนาดเล็กและช่วยให้หลอดอาหารลอดผ่านจากช่องอกลงไปในช่องท้องเพื่อนำอาหารเข้าสู่กระเพาะอาหาร โดยไส้เลื่อนกะบังลมอาจทำให้เกิดอาการได้หลายอย่าง เช่น อาการกรดไหลย้อน อาการเสียดท้อง แสบร้อนกลางอก รู้สึกเหมือนมีก้อนอาหารติดคอ กลืนลำบาก ไอ เสียงแหบ หรือน้ำลายไหลมากในตอนกลางคืน ในบางกรณี ไส้เลื่อนกะบังลมอาจไม่ทำให้เกิดอาการใด ๆ เลยก็ได้

ไส้เลื่อนบริเวณสะดือ (Umbilical Hernia)

ไส้เลื่อนบริเวณสะดือมักพบในเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณสะดือยังไม่แข็งแรงสมบูรณ์ แต่ยังสามารถพบได้ในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีภาวะที่ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย ยกของหนัก ไอเรื้อรัง ตั้งครรภ์ หรืออ้วน โดยอาการของไส้เลื่อนบริเวณสะดืออาจไม่ปรากฏในเด็กทารก แต่อาจสังเกตเห็นก้อนเนื้อนูนบริเวณสะดือได้ เมื่อเด็กโตขึ้น ก้อนเนื้อนูนอาจขยายใหญ่ขึ้นและทำให้สะดือโป่งออกมา ส่วนในผู้ใหญ่นั้นอาการของไส้เลื่อนบริเวณสะดืออาจรวมถึงก้อนเนื้อนูนบริเวณสะดือ อาการปวดหรือแสบบริเวณสะดือ อาการแน่นท้อง คลื่นไส้ หรืออาเจียน เป็นต้น

ดังนั้นหากใครที่มีอาการตรงกับที่กล่าวข้างต้นนี้ TENO ขอแนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะภายในที่อุดตันเสียหายได้ โดยการรักษาโรคไส้เลื่อนที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดเพื่อปิดรูเปิดในผนังหน้าท้องและดึงอวัยวะภายในกลับเข้าที่ ซึ่งการผ่าตัดไส้เลื่อนก็สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดไส้เลื่อนและความรุนแรงของไส้เลื่อน ทั้งนี้เมื่อทำการผ่าตัดแล้วก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังจากการผ่าตัด

หลังจากที่อ่านบทความ ‘ไม่ใส่กางเกงในเป็นไส้เลื่อนจริงหรือไม่?’ จนจบแล้ว หลาย ๆ คนคงจะได้คำตอบเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า ‘ไม่ใส่กางเกงในเป็นไส้เลื่อน’ กันแล้วใช่ไหมละว่าจริง ๆ แล้วโรคไส้เลื่อนนั้นเกิดได้จากสาเหตุหลาย ๆ อย่าง ซึ่งการที่ผู้ชายไม่ใส่กางเกงใน หรือใส่กางเกงในนั้นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคไส้เลื่อน 

แต่อย่างไรก็ตามการเลือกสวมใส่กางเกงในนั้นก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไม่ใส่กางเกงใน เนื่องจากการสวมใส่กางเกงในช่วยปกปิดอวัยวะเพศชาย ป้องกันการกระแทกหรือการเสียดสี และช่วยดูดซับเหงื่อ ทำให้รู้สึกสบายตัวและมั่นใจมากขึ้น โดยกางเกงในชายไร้ตะเข็บที่เป็นกางเกงในแบบไร้ขอบก็สามารถลดความเสี่ยงของการเป็นไส้เลื่อนและยังเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความสบายได้ไม่แพ้กัน

See more our blogs
Share on facebook
Share on email
Share on twitter
Share on linkedin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *